คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
*ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นสัปดาห์การสอบปลายภาค*


วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557
*ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากตรงกับวันมาฆบูชา*






วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557


*ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากอาจารย์ได้ไปพาพี่ปี 4 ไปทำกิจกรรมอาสาพัฒนาโรงเรียนที่


จ. สุราษฏร์ธานี*


วันที่ 31 มกราคม 2557

*ไม่ได้เข้าเรียน เนื่องจากได้ไปเข้าค่ายนันทนาการ ที่จ.สระบุรี แต่ได้คัดลอกเนื้อหาที่เรียนมาจาก น.ส.ประทานพร สภากาญจนาภรณ์*


เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ (L.D)
หมาย ถึง เด็กที่มีความบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างในกระบวนการพื้น ฐาน ทางจิตวิทยาที่เกี่ยวกับความเข้าใจหรือการใช้ภาษา อาจเป็นการพูด และ/หรือภาษาเขียน หรือการคิดคำนวณ รวมทั้งสภาพความบกพร่องในการรับรู้ สมอง ได้รับบาดเจ็บกาปฏิบัติงานของสมองสูญเสียไป

สาเหตุ
การได้รับบาดเจ็บทางสมองเนื่องจากระบบประสาทส่วนกลางได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
กรรมพันธุ์ เนื่องจากงานวิจัยจำนวนมากระบุว่า ถ้าหากพ่อแม่ ญาติ พี่น้องที่ใกล้ชิดเป็นจะมีโอกาส ถ่ายทอดทางพันธุ์กรรม
สิ่ง แวดล้อม เป็นสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การได้รับบาดเจ็บทางสมอง หรือ กรรมพันธุ์ เช่น การพัฒนาการช้า เนื่องจากการได้รับสารอาหารไม่ครบ ขาดสาร อาหาร มลพิษ การเลี้ยงดู


ลักษณะทั่วไปของเด็ก LD
มีความบกพร่องทางการพูด
มีความบกพร่องทางการสื่อสาร
มีปัญหาในการเรียนวิชาทักษะ
มีปัญหาในการสร้างแนวความคิดรวบยอด
การทดสอบผลการเรียนให้ผลไม่แน่นอนมากแก่การพยากรณ์
มีความบกพร่องทางการรับรู้
มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว
มีอารมณ์ไม่คงที
โยกตัวหรือผงกศีรษะบ่อยๆ
มีพัฒนาการทางร่างกายไม่คงที่
มีพฤติกรรมไม่คงเส้นคงว่า
เสียสมาธิง่ายแสดงพฤติกรรมแปลกๆ
มีปัญหาในการสร้างความ สัมพันธ์กับเพื่อน


การบกพร่องทางการอ่าน
จำตัวอักษรไม่ได้ จำตัวอักษรได้แต่อ่านเป็นคำไม่ได้
ความสามารถในการอ่านต่ำกว่านักเรียนอื่นในชั้นเดียวกัน
ระดับสติปัญญาอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยหรือสูงกว่าเกณฑ์
เข้าใจภาษาได้ดีหากได้ฟังหรือมีคนอ่านให้ฟัง
อ่านคำโดยสลับตัวอักษร
ไม่เข้าใจว่าตัวอักษรใดมาก่อน – หลัง
เด็กบางคนมีความไวในการฟัง
เด็กบางคนอาจมีความไวในการใช้สายตา
มีความยากลำบากในการจำรูปพยัญชนะและการอ่านพยัญชนะ
มีความยากลำบากในการแยกแยะเสียง เช่น การแยกแยะเสียง บ ป พ
มีความยากลำบากในการจำรูปสระและการอ่านสระ
การออกเสียงคำไม่ชัด หรือไม่ออกเสียงบางเสียงบางครั้งออกเสียงรวบคำ
ไม่สามารถอ่านคำได้ถูกต้อง เช่น การอ่านคำที่มีวรรณยุกต์กำกับการอ่านคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา
อ่านคำโดยสลับตัวอักษร เช่น “ นก” เป็น “ กน” “ งาน” เป็น “ นาง” เป็นต้น
ไม่สามารถอ่านข้อความหรือประโยคได้ถูกต้อง เช่น อ่านข้ามคำ อ่านตกหล่น อ่านเพิ่มคำ อ่านสลับคำ
ไม่สามารถเรียงลำดับจากเรื่องที่อ่านได้
จับข้อเท็จจริงจากเรื่องที่อ่านไม่ได้
จับใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านไม่ได้


การบกพร่องทางการเขียน
ไม่สามารถลอกคำที่ครูเขียนบนกระดานลงบนสมุดได้
เขียนประโยคตามครูไม่ได้
ไม่สามารถแยกรูปทรงทางเรขาคณิตได้
เรียงคำไม่ถูกต้อง
มี ความยากลำบากในการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เช่น เด็กจะลากเส้นวน ๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัว เข้าในหรือออกนอก ขีดวน ๆ ซ้ำ ๆ
เขียนพยัญชนะ สระ และเลขไทยกลับด้านคล้ายมองจากกระจกเงา
มีความสับสนในการเขียนพยัญชนะ และเลขไทยมีลักษณะคล้ายกัน เช่น ค – ด , น – ม , พ – ผ , ๓ – ๗ , ๔ – ๕
เขียนด้วยลายมือที่อ่านไม่ออก
เขียน เรียงลำดับพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ในคำผิด ตำแหน่ง เช่น “ ปลา” เป็น “ ปาล”“ หมู” เป็น “ หูม” “ กล้วย” เป็น “ ก้ลวย”
เขียนไม่ได้ใจความ
เขียนหนังสือ ลอกโจทย์จากกระดานช้าเพราะกลัวสะกดผิด
เขียนไม่ตรงบรรทัด เขียนต่ำหรือเหนือเส้น ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากัน ไม่เว้นขอบกระดาษ ไม่เว้นช่องไฟ
จับดินสอหรือจับปากกาแน่นมาก
ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง เขียนตัวหนังสือตัวโต
การบกพร่องทางด้านคณิตศาสตร์
มีปัญหาในการบอกความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง
ไม่เข้าใจความหมายของจำนวน
ไม่เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่ได้ยินกับสิ่งที่มองเห็น
ไม่เข้าใจปริมาณ เมื่อขนาดเปลี่ยนไป
ทำเลขไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นบวก ลบ คูณ หาร เพียงอย่างเดียวหรือทั้ง 4 อย่าง
ไม่เข้าใจความหมายของตัวเลขที่นำมาเรียงกันทางคณิตศาสตร์
ไม่สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนในการคำนวณได้
ไม่เข้าใจในการอ่านแผนและกราฟ
มีปัญหาในการทำเลขโจทย์
ไม่ เข้าใจเกี่ยวกับค่าประจำตำแหน่ง เช่น จะไม่รู้ว่าเลข “ 3 ” ในจำนวนต่อไปนี้ 23 , 38 , 317 มีค่าแตกต่างกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลทำให้มีความยุ่งยากในการบ วก ลบ คูณ หาร จำนวน และไม่สามารถหาคำตอบที่ถูกต้องได้
ไม่สามารถจำ และเขียนสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ได้ เช่น “ + แทน การบวก” “ - แทน
การลบ” “ X แทน การคูณ” และ “ ? แทน การหาร”

คำแนะนำแก่ครูและผู้ปกครอง
พยายามใจเย็นๆ เมื่อคุณฟังเด็กพูด หรือรอเด็กเขียน เพราะเด็กอาจพูดหรือเขียนได้ไม่คล่องและต้องใช้เวลาสักนิด
แสดงความรักต่อเด็ก
มองหาจุดแข็งและความสามารถอื่นๆ พยายามสร้างจุดแข็งเหล่านั้นให้ทดแทนความบกพร่องที่เด็กมี
อย่าลืมชมเมื่อเด็กทำอะไรได้ดี แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็ตาม
ยอมรับนับถือในตัวเด็ก ว่าเด็กก็เป็นบุคคลที่มีความหมายและมีสิ่งดี ๆ ในตนเองเหมือนกัน
มีความคาดหวังที่เหมาะสม
เมื่อเด็กทำผิด เช่น เขียนผิด อ่านผิด จงอย่าบ่น ช่วยเด็กแก้ไขข้อที่ผิดอย่างอดทน
วันที่ 24 มกราคม 2557
เนื้อหาที่เรียน คือ
การดูแลรักษาและส่งเสริมพัฒนาการเด็ฏที่มีความต้องการพิเศษ
Down's syndrome
-รักษาตามอาการ
-แก้ไขความผิดปกติที่พบร่วมด้วย
-ให้เด็ฏสามารถช่วยเหลือตนเองได้ใช้ชีวิตประจำวันและใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด
-เน้นการดูแลแบบองค์รวม(Holistic approach) คือไม่ใช่เฉพาะครู ควมถึงคนอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล นักบำบัด
1.ด้านสุขภาพอนามัย บิดามารดาให้พาบุตรไปพบแพทย์ตั้งแต่แรกเริ่ม ติดตามการรักษาเป็นระยะๆส่วนใหญ่เกี่ยวกับหัวใจ
2.การส่งเสริมพัฒนาการ เด็กดาวน์สามารถพัฒนาได้ถ้าได้รับการฝึกสอนที่เหมาะสม
3.การดำรงชีวิตประจำวัน ฝึกให้ช่วยเหลือตนเองให้ได้มากที่สุด
4.การฟื้นฟูสมรรถภาพ
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ เช่น การฝึกพูด กายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา จัดทำ IEP
-ฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม เช่น การฝึกดำรงชีวิตประจำวัน
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพ โดยการฝึกอาชีพ
การเลี้ยงดูในช่วง 3 เดือนแรก
ยอมรับความจริง
- เด็กกลุ่มดาวน์มีพัฒนาการเป็นขั้นตอน เช่นเดียวกับเด็กทั่วไป
- ให้ความรักและความอบอุ่น
- การตรวจภายใน ตรวจหามะเร็งมดปากมดลูก และเต้านม
- การคุมกําเนิดและการทำหมัน
- การสอนเพศศึกษา - ตรวจโรคหัวใจ
 การปฏิบัติตนของพ่อแม่
-ยอมรับความจริงให้ได้
-เด็กดาวน์มีพัฒนาการเป็นขั้นตอน
-ใช้ความรักความอบอุ่น
-การตรวจภายใน ตรวจหามะเร็งปากมดลูก และเต้านม
- การควบคุมและการทำหมัน
-การสอนเพศศึกษา
-ตรวจโรคหัวใจ
การส่งเสริมพัฒนาการ
-พัฒนาทักษะด้านต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์และภาษา
-สามารถปรัยตัวและช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น
-สังคมยอมรับมากขึ้น ไปเรียนร่สมหรือเรียนรวมได้
-ลดปัญหาพฤติกรรม
-คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาและทำงานได้ดีขึ้น
Autistic
ส่งเสริมความเข้มแข็งของครอบครัว
-ครอบครัวมีบทบาทสำคัญที่สุดในกระบวนการดูแลช่วยเหลือเด็กออทิสติก
ส่งเสริมความสามารถของเด็ก
-ควรส่งเสริมโอกาสให้เด็กได้เล่นของเล่นที่หลากหลาย
-ทำกิจกรรมที่หลากหลาย
การปรับพฤติกรรมและฝึกทักษะทางสังคม
-เพิ่มพฤติกรรมที่เหมาะสมและลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
-การให้แรงเสริม
การฝึกพูด
-โดยเฉพาะในรายที่มีพัฒนาการด้านภาษาและสื่อความหมายล่าช้า
-ถ้าเด็กพูดได้เร็ว โอกาสที่จะมีการพัฒนาการทางภาษาใกล้เคียงปกติก็จะเพิ่มมากขึ้น
-ลดการใช้ภาษาที่้ไม่เหมาะสม
-ช่วยลกพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากการไม่สามารถสื่อสารความต้องการได้
-การสื่อสารความหมายทดแทน เป็นสื่อจากภาพ
การส่งเสริมพัฒนาการ
-ให้เด็กมีพัฒนาการเป็นไปตามวัย
-เน้นในเรื่องการมองหน้า สบตา การมีสมาธิ การฟัง และทำตามคำสั่ง
-ส่งเสริมพัฒนาการด้านอื่นๆที่ล่าช้าควบคู่กับพัฒนาการทักษะด้านการสื่อสาร สังคม และการปรับพฤติกรรม
การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
-เพื่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
-แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
-โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน 
การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
-ทักษะในชีวิตประจำวัน และการฝึกฝนทักษะทางสัมคม
-ให้เดก้สามารถทำได้ด้วยตนเองเต็มความสามารถ โดยต้องการความช่วยเหลือน้อยที่สุด
การรักษาด้วยยา
-Methylphenidate (Ritalin) ช่วยลดอาการไม่นิ่ง / ซน / หุนหันพลันแล่น / ขาดสมาธิ
-Risperidone / Haloperidol ช่วยลดอาการอยู่ไม่นิ่ง หงุดหงิด พฤติกรรมซ้ำๆ พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
-ยามนกบุ่ม Anticonvulsant (ยากันชัก) ใช้ได้ผลในรายที่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
การบำบัดทางเลือก
-การสื่อความหมายทดแทน(AAC)
-ศิลปกรรมบำบัด(Art Therapy)
-ดนตรีบำบัด(Music Therapy)
-การฝังเข็ม(Acupuncture)
-การบำบัดด้วยสัตว์(Animal Therapy)
การปฏิบัติตนของพ่อแม่
-ลูกต้องพัฒนาได้
-เรารักลูกของเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร
-ถ้าเราไม่รัก แล้วใครจะรัก
-หยุดไม่ได้
-ดูแลจิตใจและร่างกายของตนเองให้เข้มแข็ง
-ควรหันหน้า่ปรึกษาคนในครอบครัว


วันที่ 17 มกราคม 2557

*ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบของบ้านเมือง*



วันที่ 10 มกราคม 2557
*ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นการสอบชดเชยนอกตาราง*



วันที่ 3 มกราคม 2557
*ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นวันหยุดชดเชยเทศกาลปีใหม่*




วันที่ 27 ธันวาคม 2556

*ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจาก เป็นช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่*



วันที่ 20 ธันวาคม 2556

*วันนี้ไม่มีการเรียนการสอน เพราะเป็นสัปดาห์แห่งการสอบกลางภาค*


วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

วันที่  13 ธันวาคม 2556

อาจารย์ได้ให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหัวข้อเรื่องที่กลุ่มตนเองได้รับมอบหมาย  ดังนี้

1.เด็กสมาธิสั้น สมาชิกในกลุ่ม คือ สุภาภรณ์  นิตยา  รัตติกาล  ประทานพร
2.เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ สมาชิกในกลุ่ม คือ อลิสา กรกนก รสิตา ชุติภา
3.เด็กปัญญาเลิศ สมาชิกในกลุ่ม คือ อรอุมา และ วศินี
4.เด็กออทิสติก สมาชิกในกลุ่มคือ จินตนา ณัฐวดี นพมาศ
5.เด็กดาวน์ซินโดรม สมาชิกในกลุ่ม คือ กรรจิรา บงกช พัชรี
6.เด็กสมองพิการ สมาชิกในกลุ่ม คือ เณฐิดา นฤมล ชิดชนก

วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

วันที่ 6 ธันวาคม 2557
เนื้อหาที่เรียน
พัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
-การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่และวุฒิภาวะของอวัยวะต่างๆรวมทั้งตัวบุคคล
-ทำให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
-เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน
-พัฒนาการล่าช้่อาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หลายด้าน หรือทุกด้าน
-พัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลให้พัฒนาการในด้านอื่นล่าช้าไปด้วยก็ได้
ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก
-ปัจจัยด้านชีวภาพ
-ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด
-ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด
-ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด
สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
1.โรคทางพันธุกรรม
-เด็กจะมีพัฒนาการล่าช้ามาตั้งแต่เกิดหรือสังเกตได้ชั่วระยะไม่นานหลังเกิด มักมีลักษณะผิดปกติแต่กำเนิดร่วมด้วย
2.โรคระบบประสาท
-เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการส่วนใหญ่มักมีอาการหรืออาการแสดงทางระบบประสาทร่วมด้วย ที่พบบ่อย คือ อาการชัก
3.การติดเชื้อ
-การติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย ศีรษะเล็กกว่าปกติ อาจมีตับม้ามโต การได้ยินบกพร่อง ต้อกระจก
-นอกจากนี้การติดเชืิ้อรุนแรงภายหลังการเกิด เช่น สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย
4.ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึ่ม
-โรคที่ยังเป็นปัญหาสาธารณะสุขไทย คือ ไทรอยด์ฮอร์โมนในเลือดต่ำ
5.ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด
-การเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย และภาวะขาดออกซิเจน
6.สารเคมี
ตะกั่ว
-ตะกั่วเป้็นสารเคมีที่มีผลกระทบต่อเด็กและมีการศึกษามากที่สุด
-มีอาการซึมเสร้า เคลื่อนไหวช้า ผิวดำ หมองคล้ำเป็นจุดๆ
-ภาวะตับเป็นพิษ
-ระดับสติปัญญาต่ำ
แอลกอฮอล์
-น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย
-มีอัตราการเพิ่มน้ำหนักหลังเกิดน้อย ศีรษะเล็ก
-พัฒนาการของสติปัญญาก็มีความบกพร่อง
-เด็กมีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
(Fetal aicohol syndromn , Fas)
-ช่องตาสั้น
-ช่องริมฝีปากบนยาวและบาง
-หนังคลุมหัวตามาก
จมูกแยน
-ปลายจมูกเชิดขึ้น
นิโคติน
-น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย ขาดสารอาหารในระยะตั้งครรภ์
-เพิ่มอัตราการตายในวัยทารก
-สติปัญญาบกพร่อง
-สมาธิสั้น พฤติกรรมก้าวร้าว มีปัญหาด้านการเข้าสังคม
7.การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร
อาการ
-มีพัฒนาการล่าช้า อาจพบได้มากกว่า 1 ด้าน
-ปฏิกิริยาสะท้อน(Primitive reflex) ไม่หายไปแม้จะถึงช่วงอายุที่ควรจะหายไป
แนวทางการวินิจฉัย
1.การซักประวัติ
-โรคประจำตัว โรคทางพันธุกรรม
-ประวัติฝากครรภ์
-ประวัติเกี่ยวกับการคลอด
-พัฒนาการที่ผ่านมา
การเล่นตามวัย การช่วยเหลือตนเอง
-ปัญหาพฤติกรรม
ประวัติอื่นๆ
เมือซักประวัติแล้วสามารถจะบอกได้ว่า
-ลักษณะพัฒนาการลา่ช้าเป็นแบบคงที่ หรือถดถอย
-เด็กมีระดับพัฒนาการช้าหรือไม่ อย่างไร อยู่ในระดับไหน
-มีข้อบ่งชี้ว่ามีสาเหตุจากโรคพันธุกรรมหรือไม่
-สาเหตุของความบกพร่องทางพัฒนาการนั้นเกิดจากอะไร
-ขณะนี้เด็กได้รับการช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างไร
2.การตรวจร่างกาย
-ตรวจรางกายทั่วๆไปและการเจริญเติบโต
-ภาวะตับม้ามโต
-ผิวหนัง
-ระบบประสาทและรอบศีระษะด้วยเสมอ
-ดูลักษณะของเด็กที่ถูกทารุณกรรม(child abuse)
-ระบบการมองเห็นและการได้ยิน
3.การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
4.การประเมินพัฒนาการ
-การประเมินแบบไม่เป็นทางการ(สอบถามข้อมูลจากผู้ปกครอง)
-การประเมินที่ใช้เวชปฏิบัติ
          ♥แบบทดสอบ Denver 2 (กล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก สังคม ภาษา)
          ♥Gesell Drawing Test
          ♥แบบประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือส่งเสริมพัฒนาการเด็กอายุแรกเกิด - 5 ปี สถาบันราชานุ   กูล
แนวทางการรักษา
-หาสาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
-การตรวจค้นหาความผิดปกติร่วม
-การส่งเสริมพัฒนาการ
-ให้คำปรึกษากับครอบครัว
ขั้นตอน
1.การตรวจคัดกรองพัฒนาการ
2.การรักษาสาเหตุโดยตรง
3.การให้การวินิจฉัยและหาสาเหตุ
4.การให้การรักษาและส่งเสริมพัฒนาการ
5.การติดตามและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ